วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561

เรือวาฬเพชฌฆาต (15)

เรือวาฬเพชฌฆาต


รูปภาพที่เกี่ยวข้อง
หากคุณเป็นคนรักความตื่นเต้นเร้าใจนี่คือกิจกรรมใหม่ที่คุณอาจสนใจลองหากเดินทางมาเยือนกรุงลอนดอน
"ซีบรีชเชอร์"(Sea Breacher) เรือรูปวาฬเพชฌฆาตซึ่งทำความเร็วได้สูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเปิดให้บริการแล้วในย่านฝั่งตะวันออกของกรุงลอนดอนใกล้กับท่าอากาศยานลอนดอนซิตี
เรือลำนี้ไม่เพียงจะมีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนวาฬเพชฌฆาต แต่ยังมีคุณสมบัติน่าทึ่งไม่ต่างกัน นั่นคือสามารถดำน้ำและกระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำได้ ทำให้ผู้ที่อยู่ภายในเรือซึ่งรองรับคนขับ 1 คนและผู้โดยสารอีก 1 คนสามารถสัมผัสประสบการณ์น่าตื่นเต้นราวกับได้แหวกว่ายไปในท้องทะเลกับวาฬเพชฌฆาต
-วิเคราะห์ข่าว-

เรือวาฬเพชฌฆาตมีความน่าสนใจมาก ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการใหม่ที่ตื่นเต้นและสร้างความประทับใจ

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

นักเรียนเคนยาคิดค้นอุปกรณ์ไล่ช้าง (14)

นักเรียนเคนยาคิดค้นอุปกรณ์ไล่ช้าง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไล่ช้าง

แซนดรา ลูกินโด หนึ่งในนักเรียนที่ประดิษฐ์อุปกรณ์นี้เล่าว่า"ช้างเป็นปัญหาใหญ่มานาน ตั้งแต่ฉันยังเด็ก เราตีแผ่นเหล็ก เราตีกลอง เพื่อให้ช้างกลัว แล้วหนีไป พวกมันสร้างความเสียหายต่อพืชผล บางตัวก็ทำให้คนเสียชีวิต ผู้คนจึงไม่ปรานีต่อช้างนัก บางทีก็ฆ่าช้างเหล่านั้น"
บรรดานักเรียนจึงประดิษฐ์ 'เอ็นโดวู แคร์' อุปกรณ์ตรวจจับที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์
แซนดรา อธิบายถึงการใช้อุปกรณ์นี้ว่า"ที่อยู่กับฉันคือ เอ็นโดวู แคร์ (Ndovu Care) คุณเปิดเครื่องตรงนี้จะมีแสงสีส้มสว่างขึ้นแสดงให้รู้ว่าพร้อมใช้งานตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวจะคอยตรวจจับช้างจากระยะไกลจากนั้นไฟแอลอีดีจะสว่างขึ้นเมื่อช้างเข้ามาและทำให้ช้างกลัวจนหนีไปหลังจากนั้นเสียงรบกวนจะดังขึ้นและจะมีการส่งข้อความแจ้งว่ามีช้างเข้ามาในพื้นที่"
-วิเคราะห์ข่าว-
ช้างเป็นปัญหามานาน เช่น ด้านเกษตรกรรม หรือการท่องเที่ยว การที่มีเด็กนักเรียนสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สามารถไล่ช้างได้จึงเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ

ญี่ปุ่นเตรียมทดสอบต้นแบบ "ลิฟต์อวกาศ" ครั้งแรกของโลก (13)

ญี่ปุ่นเตรียมทดสอบต้นแบบ "ลิฟต์อวกาศ" ครั้งแรกของโลก

กราฟิกดาวเทียม

ในสัปดาห์หน้าทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นจะลงมือทดสอบความเป็นไปได้ของ "ลิฟต์อวกาศ" (Space Elevator) โดยใช้ต้นแบบขนาดย่อส่วนทดลองเคลื่อนที่ขึ้นลงระหว่างดาวเทียมจิ๋วสองดวงที่อยู่ในวงโคจรของโลก
ปฏิบัติการดังกล่าวถือว่าเป็นการทดลองการเคลื่อนที่แบบลิฟต์ในอวกาศครั้งแรกของโลก โดยในวันที่ 11 ก.ย. นี้จะมีการยิงจรวด H-2B จากศูนย์อวกาศทาเนะงะชิมะซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเพื่อนำอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
จรวดจะปล่อยดาวเทียมจิ๋วทรงลูกบาศก์ 2 ดวงเพื่อทำหน้าที่เป็นสถานีต้นทางและปลายทางของลิฟต์อวกาศต้นแบบโดยแต่ละด้านของดาวเทียมมีความกว้างเพียง 10 เซนติเมตรเท่านั้น
ส่วนลิฟต์อวกาศต้นแบบซึ่งเป็นกล่องบรรจุเครื่องยนต์ขนาดเล็กจะทดลองเคลื่อนที่ขึ้นลงตามสายเคเบิลเหล็กกล้าความยาว 10 เมตรที่เชื่อมต่อระหว่างดาวเทียมจิ๋วทั้งสองโดยมีกล้องภายในดาวเทียมคอยบันทึกภาพการทดสอบเอาไว้
ระบบลิฟต์อวกาศดังกล่าวริเริ่มออกแบบและพัฒนาโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยชิซึโอกะและบริษัทโอบะยะชิของญี่ปุ่นโดยก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีทั้งสองหน่วยงานได้ประกาศแผนการคิดค้นและก่อสร้างระบบลิฟต์อวกาศโดยตั้งเป้าให้เริ่มใช้งานได้จริงภายในปี 2050
ตามแผนการดังกล่าวส่วนฐานของลิฟต์อวกาศจะตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกและจะก่อสร้างปล่องลิฟต์สูงขึ้นไปจนถึงสถานีอวกาศปลายทางที่ความสูง 35,000 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ลิฟต์จะต้องใช้เวลาเดินทางราว 9 วันกว่าจะไปถึงสถานีปลายทาง
ที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมองกันว่าลิฟต์อวกาศที่สามารถขนส่งผู้คนและสิ่งของจากพื้นโลกขึ้นไปสู่อวกาศได้โดยตรงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการยิงจรวดเนื่องจากประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าทั้งเสียเวลาเตรียมการเดินทางและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่ากันมาก
อย่างไรก็ตามความคิดเรื่องก่อสร้างระบบลิฟต์อวกาศที่มีมานานกว่า 100 ปีนั้นทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ยากเพราะมีข้อจำกัดมหาศาลทั้งเรื่องวัสดุที่ใช้ซึ่งจะต้องมีน้ำหนักเบาและทนทานแข็งแกร่งเพื่อให้ระบบลิฟต์ที่สูงเกินปกติรับน้ำหนักของตัวเองได้ส่วนโครงสร้างของลิฟต์ต้องสามารถต้านทานต่อแรงโน้มถ่วงของโลกและแรงหนีศูนย์กลางที่มากระทำรวมทั้งทนต่อสภาพอากาศรุนแรงบนโลกเช่นลมพายุได้ด้วย
-วิเคราะห์ข่าว-
การที่จะสามารถทำลิฟต์ในอวกาศได้นั้นทำได้ยากมาก การทดลองนี้จึงมีโอกาสล้มเหลวค่อนข้างสูง แต่ถ้าทำสำเร็จก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

ที่มาข่าว

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2561

มาแล้ว! ภาพหลุด GoPro Hero 7 แถมหลุดมาจุดแสดงสินค้าเสียด้วย (12)

มาแล้ว! ภาพหลุด GoPro Hero 7 แถมหลุดมาจุดแสดงสินค้าเสียด้วย 

มาแล้ว! ภาพหลุด GoPro Hero 7 แถมหลุดมาจุดแสดงสินค้าเสียด้วย

ดูเหมือนว่า GoPro 7 จะมีภาพหลุดออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งภาพหลุดในครั้งนี้ก็หลุดมาจากหน้าจอของจุดแสดงสินค้าของ GoPro เองเสียด้วย โดยภาพดังกล่าวมาจากผู้ใช้ Imgur รายหนึ่งซึ่งโพสต์ภาพผ่านทาง Reddit ซึ่งในภาพก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามันคือ Hero 7 ของทาง GoPro อย่างแน่นอนและก็คาดว่าในปลายเดือนนี้แหละที่เราจะได้พบเจอกับการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบของกล้องรุ่นนี้
ดูเหมือนว่า GoPro 7 จะมีทั้งหมด 3 สีด้วยกันนั่นก็คือ สีขาว, สีเงิน, และสีดำ นั่นเอง และในภาพก็ทำให้เราสามารถเห็นได้ว่ายังมีบางฟีเจอร์จากรุ่นก่อนๆ ติดมาด้วยเหมือนเดิม อย่างเช่น ระบบป้องกันภาพสั่นไหว และความสามารถในการกันน้ำได้ลึกกว่า 33 ฟุตนั่นเอง แต่ดูเหมือนว่าทั้งสีขาวและสีเงินนั้นจะไม่มีจอแสดงผลด้านหน้า ซึ่งก็แอบคล้ายกับ Hero 4 อยู่เหมือนกันที่กล้องรุ่นสีดำจะมีความพิเศษมากกว่าใครเพื่อน

มาแล้ว! ภาพหลุด GoPro Hero 7 แถมหลุดมาจุดแสดงสินค้าเสียด้วย

อย่างที่รู้กันดีว่า GoPro ได้พยายามปรับตัวหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นในปี 2016 ทางบริษัทก็ได้ปรับไลน์สินค้า GoPro 4 ให้เหลือเพียง 3 รุ่น นั่นก็คือ (Black, Silver, Session) เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต และในปี 2017 ทาง GoPro ก็ได้เปิดตัวกล้อง 360 องศาออกมาในชื่อ Fusion พร้อมทั้งเปิดตัว Hero 6 รุ่นใหม่ที่อัพสเปคขึ้นไปในดีไซน์เช่นเดิม และเมื่อปีที่ผ่านมาพวกเขาก็ปรับตัวและตัดสินใจออกจากการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย Drone เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
และทั้งหมดที่พวกเขาได้พยายามกันมาตั้งแต่ปี 2016 ก็ดูเหมือนจะเป็นผลเพราะเมื่อไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 นั้นพวกเขาก็สามารถสร้างผลกำไรขึ้นมาได้นั่นเอง
ส่วนในปีนี้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทาง GoPro ก็ได้ออกกล้องในรุ่น Hero ในระดับเริ่มต้นมาสู่ท้องตลาด และคาดว่ารุ่นอื่นๆ ก็น่าจะตามกันมาภายในปีนี้อย่างแน่นอน

-วิเคราะห์ข่าว-
กล้อง GoPro Hero 7 นั้นจะมาวางขายในตลาดในไม่ช้า

ที่มาข่าว

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

สายรัดข้อมือเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อดูแลสุขภาพ (11)

สายรัดข้อมือเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อดูแลสุขภาพ





ทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์มากมายต่างพยายามพัฒนาเครื่องมือที่ประยุกต์ความรู้ทาง ด้านคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม มาสนองตอบชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่ต้องรับมือกับความเสี่ยงต่างๆจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่ส่งผลต่อสุขภาพ ล่าสุด ทีมวิศวกรจากมหาวิทยาลัยรัสเกอร์ส เมืองนิวบรันสวิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ในสหรัฐอเมริกา เผยถึงการพัฒนาสร้างสายรัดข้อมือที่ช่วยติดตามสุขภาพและมลพิษในอากาศที่คนเราต้องเผชิญ
สายรัดข้อมืออัจฉริยะนี้ใช้วัสดุเป็นพลาสติกติดตั้งแผงวงจรที่มีความยืดหยุ่น โดยมีไบโอเซนเซอร์ (biosensor) เครื่องตรวจวัดทางชีวภาพ ออกแบบให้มีลักษณะเป็นช่องหรือท่อบางกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม พร้อมกับฝังขั้วไฟฟ้าสีทองไว้ภายใน แผงวงจรจะเป็นตัวประมวลผลสัญญาณไฟฟ้าเพื่อส่งข้อมูลแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ เช่น นาฬิกา โดยไบโอเซนเซอร์จะทำหน้าที่นับจำนวนอนุภาคอย่างเซลล์เม็ดเลือด แบคทีเรียและอนุภาคอินทรีย์หรืออนินทรีย์ในอากาศ รวมถึงวัดอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกาย
เทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยและแพทย์สามารถติดตามตรวจสอบสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การวินิจฉัยโรคจากการนับจำนวนเม็ดเลือด ซึ่งหากพบจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ นั่นอาจบ่งบอกถึงภาวะเลือดออกภายในและโรคภัยอื่นๆ หรือจำนวนเม็ดเลือดขาวที่สูงหรือต่ำจนผิดปกติ ก็อาจบ่งชี้ถึงโรค มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพงและมีขนาดใหญ่ในห้องปฏิบัติ
-สรุป-
ทีมวิศวกรจากมหาวิทยาลัยรัสเกอร์ส เมืองนิวบรันสวิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ในสหรัฐอเมริกา เผยถึงการพัฒนาสร้างสายรัดข้อมือที่ช่วยติดตามสุขภาพและมลพิษในอากาศ สายรัดข้อมืออัจฉริยะนี้ใช้วัสดุเป็นพลาสติกติดตั้งแผงวงจรที่มีความยืดหยุ่น โดยมีไบโอเซนเซอร์ (biosensor) เครื่องตรวจวัดทางชีวภาพ ออกแบบให้มีลักษณะเป็นช่องหรือท่อบางกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม พร้อมกับฝังขั้วไฟฟ้าสีทองไว้ภายใน แผงวงจรจะเป็นตัวประมวลผลสัญญาณไฟฟ้าเพื่อส่งข้อมูลแบบไร้สายกับสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ เช่น นาฬิกา
-วิเคราะห์-
สายรัดข้อมือนี้จะเป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่อาจรักษาสุขภาพ ทำให้สามารถรู้รายละเอียดของสุขภาพตัวเองได้มากขึ้น และแก้ปัญหาสุขภาพได้อย่างตรงจุดและถูกวิธี

อันดับ “นวัตกรรมไทย” ขึ้นที่ 44 โลก (10)

อันดับ “นวัตกรรมไทย” ขึ้นที่ 44 โลก


ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยผลการสำรวจความสามารถด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศ ประจำปี 2561 หรือ GII 2018 ที่จัดทำโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (World Intellectual Property Organization) หรือ WIPO ซึ่งเป็นหน่วยงานนำในการจัดทำดัชนีนวัตกรรมระดับโลก (Global Innovation Index; GII) พบว่าในปีนี้ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 44 ขยับขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเดิม 7 อันดับ โดยในปี 2560 อยู่อันดับ 51 ถือเป็นประเทศในกลุ่ม “Innovation Fast Move” นอกเหนือจากอันดับในภาพรวมแล้ว ประเทศไทยมีการปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม จากเดิมอันดับที่ 65 เลื่อนขึ้นเป็นอันดับที่ 52 ส่วนกลุ่มปัจจัยผลผลิตทางนวัตกรรม ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จากเดิมอันดับที่ 43 เป็นอันดับที่ 45
รมว.วท.กล่าวต่อว่า จากผลสำรวจพบว่า ประเทศไทยมีจุดเด่นในปัจจัยด้านระบบตลาด ปัจจัยผลผลิตจากองค์ความรู้และ Innovation และปัจจัยผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการภาคเอกชนไทย และการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในผู้ประกอบการนวัตกรรม และเพื่อเป็นการเร่งปรับปรุงตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อนของประเทศ วท.จึงเร่งดำเนินการภายใต้แนวคิด “วิทย์สร้างคน วิทย์แก้จน และวิทย์เสริมแกร่ง” ผ่านโครงการยุทธศาสตร์ อาทิ โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โครงการอุทยานวิทยาศาสตร์ 6 ภาค การพัฒนาระบบนิเวศสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น และโครงการ “คนรุ่นใหม่เรียนสายวิทย์” เพื่อปรับปรุงปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัย เป็นต้น.
-สรุป-
ประเทศไทยได้เติบโตขึ้นอย่างมากจากปีที่แล้ว อย่างมากโดยความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศไทยขึ้นจากอันดับ 51 มาอยู่ที่อันดับ 44 ปัจจัยเข้าทางนวัตกรรมจากอันดับที่ 65 มาอยู่ที่ 52 แต่ปัจจัยผลผลิตทางนวัตกรรมลดลงเล็กน้อย จากเดิมอันดับที่ 43 มาอยู่ที่อันดับที่ 45
-วิเคราะห์ข่าว-
ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ซึ้งถือว่าเป็นกลุ่ม Innovation Fast Move แต่ก็มีปัจจัยผลผลิตทางนวัตกรรมลดลงเล็กน้อย

ที่มาข่าว

พัฒนาสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลก (9)

พัฒนาสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลก



การแข่งขันพัฒนาเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เพียงแค่ประสิทธิภาพการทำงานสุดล้ำแต่ยังแข่งกันที่ขนาดของนวัตกรรมใหม่ด้วยล่าสุดไอบีเอ็ม ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้ประกาศว่าแชมป์ใหม่ที่สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลกได้กลายเป็นของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อย
คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กตัวนี้มีขนาด 0.3 มิลลิเมตร เทียบแล้วก็เล็กกว่าเมล็ดข้าว ประกอบด้วยแรม (RAM), โฟโตโวลตาอิกส์(Photovoltaics)เป็นตัวแปลงพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้ามีตัวเก็บประจุ (capacitors)และยังมีตัวประมวลผลพร้อมเครื่องส่งสัญญาณและรับสัญญาณแบบไร้สายมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่เที่ยงตรงให้ความแม่นยำสูงในขณะที่ใช้พลังงานต่ำ ระบบถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมาก เพื่อไปปรับใช้กับวัตถุประสงค์ต่างๆได้แต่ทีมวิจัยได้เน้นที่การวัดอุณหภูมิอย่างแม่นยำเพื่อนำไปช่วยทางการแพทย์โดยเฉพาะการประเมินการรักษาโรคมะเร็งเนื่องจากตัวเซ็นเซอร์อุณหภูมิจะตรวจสอบความแปรผันของอุณหภูมิภายในเนื้องอกกับเนื้อเยื่อปกติจะทำให้กำหนดเป้าหมายในการรักษาได้
อย่างไรก็ตามนักวิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาสร้างคอมพิวเตอร์จิ๋วเผยว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นคอมพิวเตอร์ได้หรือไม่ เพราะคอมพิวเตอร์โดยปกติทั่วไปเมื่อดับเครื่องถอดปลั๊กโปรแกรมและข้อมูลจะยังคงอยู่ในนั้นเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ข้อมูลก็ไม่ได้หายไปไหนแต่สำหรับเจ้าคอมพิวเตอร์จิ๋วนี้เมื่อปิดเครื่องก็จะสูญเสียโปรแกรมและข้อมูลทั้งหมดจะหายไป ซึ่งยังต้องพัฒนาต่อให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

-สรุป-
ไอบีเอ็ม ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้ประกาศว่าแชมป์ใหม่ที่สามารถสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สุดในโลกได้กลายเป็นของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กตัวนี้มีขนาด 0.3 มิลลิเมตร เทียบแล้วก็เล็กกว่าเมล็ดข้าว ประกอบด้วยแรม (RAM), โฟโตโวลตาอิกส์(Photovoltaics)เป็นตัวแปลงพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้ามีตัวเก็บประจุ (capacitors)และยังมีตัวประมวลผลพร้อมเครื่องส่งสัญญาณและรับสัญญาณแบบไร้สายมีเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่เที่ยงตรงให้ความแม่นยำสูงในขณะที่ใช้พลังงานต่ำ ระบบถูกออกแบบให้มีความยืดหยุ่นมาก เพื่อไปปรับใช้กับวัตถุประสงค์ต่างๆสามารถนำไปช่วยได้หลายๆอย่าง เช่น งานแพทย์ แต่มีข้อเสียคือ เมื่อปิดเครื่องแล้วข้อมูลทั้งหมดจะหายไป
-วิเคราะห์-
คอมพิวเตอร์จิ๋วนี้แสดงถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของมนุษย์ สามารถช่วยในการรักษาโรคได้ เช่น โรคมะเล็ง เป็นต้น